LEO Global Logistics PCL. (LEO) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรสายเลือดไทย ที่ยืนหยัดในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการโลจิสติกส์ บนรากฐานอันแข็งแกร่ง ด้วยทีมงานผู้บริหารมืออาชีพ พร้อมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่บ่มเพาะมากว่าสามทศวรรษ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเติบโตและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ LEO ประสบความสำเร็จมากมายในปีที่ผ่านมา อาทิ การเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และการร่วมธุรกิจกับผู้ประกอบการทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อขยายฐานการให้บริการที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

LM ฉบับนี้ ได้รับเกียรติจากคุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LEO มาพูดคุยถึงความสำเร็จของบริษัทฯ แนวคิดการดำเนินธุรกิจภายใต้ช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน และเป้าหมายลำดับต่อไปของ LEO

“การก้าวผ่านจุดหมายสำคัญอย่างการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ LEO มีความสามารถในการพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมกับขยายขอบเขตการให้บริการได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้ง เรายังสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากเรามีความสามารถในการบริหารจัดการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ดี ภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดในการขนส่งสินค้า อีกทั้ง เรายังเป็นคู่คิดแบบ Solution Provider ที่พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถก้าวผ่านความท้าทายในช่วงเวลา New Normal ของการขนส่งสินค้าทั่วโลก” คุณเกตติวิทย์ กล่าวถึงการเติบโตของ LEO

LEO ร่วมมือ ไปรษณีย์ไทย ดิสทรีบิวชั่น ภายใต้โครงการพัฒนาบริการขนส่งครบวงจร

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น  อาทิ บริษัท China Post กลุ่มบริษัท Cardinal UK และบริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (Thailand Post Distribution) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศ การขนส่งสินค้อีคอมเมิร์ซ รวมถึงการขยายการให้บริการจัดเก็บและกระจายสินค้าภายในประเทศอีกด้วย

Expanding Through the Pandemic

“การร่วมพันธมิตรกับ Thailand Post Distribution (THPD) เป็นการรวมจุดแข็งที่โดดเด่นของทั้งสององค์กรเข้าด้วยกัน โดย THPD มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดเก็บและกระจายสินค้าในภายประเทศ โดยเฉพาะสินค้าอีคอมเมิร์ซ การร่วมมือกันในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ LEO ส่งเสริมให้ THPD สามารถขยายขอบเขตการให้บริการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศมายังประเทศไทยได้แบบครอบคลุมทั่วโลก ในขณะที่ LEO ก็จะสามารถจัดเก็บและกระจายสินค้าภายในประเทศ ภายใต้เครือข่ายของ THPD พร้อมกับสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของ THPD ที่ต้องการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่กว่าพัสดุภัณฑ์ทั่วไป ให้เดินทางไปถึงจุดหมายทั่วโลก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LEO กล่าว

LEO เข้าตลาดหลักทรัพย์

การเดินหน้าขยายฐานองค์กร พร้อมพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้ความท้าทายและสภาวะที่ไม่แน่นอน เป็นภาพสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ กอปรกับความสามารถในการปรับตัวเข้ากับความท้าทายต่างๆ ของ LEO

คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LEO

“การแพร่ระบาดของ COVID-19 มาพร้อมความท้าทายและข้อจำกัดในการขนส่งสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ระวางที่มีจำกัด หรืออัตราค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ในการนี้ LEO ได้ใช้ประโยชน์จากสายสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจที่เหนียวแน่น ซึ่งช่วยให้สามารถสรรหาพื้นที่ระวาง และแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้นจากเดิมกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ และส่งผลให้ปริมาณตู้สินค้าที่เราให้บริการเติบโตขึ้นถึง 52 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงครึ่งปี 2021 สวนทางกับสถานการณ์ของตลาด” คุณเกตติวิทย์อธิบาย

ในระหว่างที่มุ่งมั่นผลักดันกระแสการขนส่งสินค้าท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดอย่างแข็งขัน ราชสีห์ทองคำรายนี้ ก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทั้งบุคลากรและผู้ใช้บริการ

“เราตระหนักถึงความปลอดภัยของพนักงาน และคำนึงถึงความต่อเนื่องในการให้บริการ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจของลูกค้าและพันธมิตรอยู่เสมอ เราจึงกำหนดแผนการสร้างความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ (Business Continuity Planning) ซึ่งประกอบไปด้วยการวางมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 และการกำหนดแผนการทำงานที่จะทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องแม้ต้องตกอยู่ในสภาวะวิกฤต” คุณเกตติวิทย์กล่าว 

พร้อมกันนั้น เพื่อมอบการบริการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด LEO ได้กำหนดทีม Mission Critical Activities ขึ้นมาสองทีม เพื่อปฏิบัติงานส่วนสำคัญ ประกอบไปด้วยทีมบริการลูกค้า (Customer Service) และทีมดำเนินเอกสาร (Documentation) โดยที่บริษัทฯ ได้แยกสถานที่ทำงานของทั้งสองทีมออกจากกัน เพื่อให้สามารถดำเนินงานแยกจากกันได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ LEO ยังได้ให้การสนับสนุนพนักงานทุกคน รวมทั้งครอบครัวของพนักงาน ในการเข้ารับวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ ได้มีประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ในพันธกิจมอบวัคซีนให้แก่กับพนักงานทั้งสองโดส พร้อมกับจัดหาวัคซีนเข็มที่สามให้เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานทุกคนอีกด้วย 

Outward Mindset

ความสามารถในการปรับตัวและสร้างการเติบโตทางธุรกิจของ LEO ท่ามกลางช่วงเวลานิวนอร์มอล คือผลลัพธ์จากการดำเนินงานระดับมืออาชีพของทีมผู้บริหารและพนักงาน ผ่านการเปิดรับแนวคิด ‘Outward Mindset’ ซึ่งมุ่งเน้นการรับฟังและเข้าใจถึงเป้าหมายของผู้อื่น เพื่อสรรหาหนทางแก้ไขสู่ผลลัพธ์ร่วมกัน

“เราเสริมศักยภาพของบุคลากร ผ่านการอบรมภายใต้หลักสูตร Outward Mindset ซึ่งช่วยปรับเปลี่ยนมุมมองของพนักงานให้มีความพร้อมที่จะเปิดรับ มองเห็นความต้องการ จุดมุ่งหมาย และความท้าทายของเพื่อนร่วมงานร่วมกัน เพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนอกจากการทำงานในองค์กรแล้ว แนวคิดนี้ยังสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตส่วนตัวได้อีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของบริษัทฯ ในการส่งเสริมให้บุคลากรปฏิบัติงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับมีความสุขในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น” คุณเกตติวิทย์เผย

(จากซ้้าย) คุุณพรรษมน ปรีชาศุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่่ายทรัพยากรบุุคคลและระบบบริิหารคุุณภาพ คุุณลินลา องอาจสืบสกุล ผู้อำนวยการฝ่่ายสำนักผู้บริหาร คุุณฉัตร์รวี กีรติบวรอนันต์ ผู้อำนวยการฝ่่ายขาย คุุณพิริยรัชต์ คููณธนสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่่ายขาย คุุณศรีไพร เอกวิจิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่่ายปฏิบัติการ คุุณเกตติวิทย์์ คุุณสุุสุรสิทธิ์ อัศวศักดิ์เสรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่่ายปฏิบัติการ คุุณมานพ ปัจวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่่ฝ่่ายการเงิน คุุณอัญญาวีร์ เตชภัทร์อังกููร ผู้อำำนวยการฝ่่ายขาย คุุณวิภาวัลย์ สอาดจิตต์ลือชัย ผู้อำนวยการฝ่่ายปฏิบัติการ และ คุุณพัฒนพงศ์ สงวนดีกุุล ผู้อำนวยการฝ่่ายขาย

ภายใต้แนวคิดดังกล่าว LEO มีความเข้าใจในความต้องการและปัญหาของผู้ใช้บริการอย่างลึกซึ้ง พร้อมยกระดับการมอบโซลูชันผ่านการขยายฐานการบริการให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยการร่วมทุนกับบริษัท Cardinal UK จัดตั้งบริษัท Cardinal Maritime (Thailand) เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยครอบคลุมประเทศอังกฤษรวมไปถึงภูมิภาคยุโรปตอนเหนือ

Cardinal UK เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 20 ปี มีฐานลูกค้าผู้นำเข้าสินค้าจากไทยจำนวนมาก และมีเครือข่ายที่กว้างขวางทั้งในทวีปยุโรปและโอเชียเนีย (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก) ความร่วมมือระหว่าง LEO กับ Cardinal UK จึงนับเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กรในสองทวีปมาพัฒนาการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางให้ครบวงจรมากขึ้น

โดยลูกค้าของ LEO จะได้รับคำแนะนำในการส่งออกและนำเข้าอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ยังช่วยขยายเครือข่ายการให้บริการโลจิสติกส์ของ LEO ให้ครอบคลุมมากขึ้น  เนื่องจากกลุ่มบริษัท Cardinal Group มีสำนักงานกว่า 22 สาขาในประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ในทวีปยุโรป  ประเทศจีน เวียดนาม สิงค์โปร์ และแอฟริกาใต้

นอกจากนี้ LEO ยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ  ผ่านการร่วมธุรกิจกับบริษัท China Post เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการในระดับสูงสุดอีกด้วย

“การร่วมพันธมิตรกับ China Post  อำนวยให้เราสามารถขยายการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ รวมถึงการขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซ ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น  โดยในขณะนี้ ปริมาณสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนมายังประเทศไทย และสินค้าส่งออกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก LEO จึงเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าด้วยเครื่องบิน Boeing 757 ที่สามารถขนส่งสินค้าได้ 30 ถึง 35 ตันต่อเที่ยว จากสามเที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็นสี่เที่ยวบินต่อสัปดาห์ พร้อมกับเตรียมที่จะเพิ่มเที่ยวบินเป็นห้าเที่ยวบินต่อสัปดาห์ในอนาคตอันใกล้นี้” คุณเกตติวิทย์กล่าวเสริม

Keep Growing

ด้วยแนวคิดการปฏิบัติงานที่เปิดกว้าง เสริมด้วยรากฐานการบริการที่พัฒนาอย่างครอบคลุม LEO Global Logistics พร้อมเดินหน้าสู่ปี 2022 ด้วย การเปิดให้บริการพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคลแห่งที่สอง ซึ่งมีชื่อว่า ‘LEO Self-Storage#2’ และบริการลานรับฝากเก็บตู้สินค้าแห่งที่สอง

“LEO เปิดให้บริการพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคลแบบให้เช่า แห่งแรกในปี 2017 ซึ่งตั้งอยู่ติดกับถนนพระราม 3 และในปีนี้ เราพร้อมที่จะขยายการให้บริการไปยังสาขาที่สอง ณ ตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง ซึ่งใกล้เคียงกับย่านเยาวราช  โดยสาขาใหม่นี้ มีพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินมากขึ้น 2,000 – 3,000 ตารางเมตร เรามีความตั้งใจที่ผลักดันให้ LEO Self-Storage#2  เป็น (Flagship Store ของบริษัทฯ ด้วยการให้บริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยเราจะเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 นี้” คุณเกตติวิทย์เผย

ในส่วนของบริการลานรับฝากเก็บตู้สินค้าแห่งที่สองของ YJCD นั้น จะตั้งอยู่ ณ บางนา กม. 21 โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงพื้นที่ และจะพร้อมให้บริการในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2021 เช่นกัน

พร้อมกันนั้น LEO ยังเตรียมที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านแผนการทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) กับผู้ประกอบการโลจิสิติกส์ในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชีย “เราตั้งเป้าที่จะทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการกับผู้ประกอบการโลจิสิติกส์ในประเทศไทยและในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ เวียดนาม เเละอินโดนีเซีย โดยในปีนี้ เราคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงกับบริษัทผู้ให้้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ อย่างน้อยหนึ่งบริษัท” คุณเกตติวิทย์กล่าว

การให้บริการที่มีความยืดหยุ่นและมีความต่อเนื่อง ความพร้อมที่ช่วยเหลือผู้ใช้บริการอย่างทันท่วงที กอปรกับความสามารถในการปรับตัวเข้ากับทุกสภาวะการณ์ และแนวคิดเปิดกว้างที่พร้อมจะเรียนรู้และบรรลุเป้าหมายภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียว เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ LEO ได้รับรางวัลการันคุณภาพมากมาย อาทิ รางวัล ELMA – Excellent Logistics Management Award สาขาผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (3rd Party Logistics Services Provider) ในปี 2016 และสาขาผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (International Freight Forwarding) ในปี 2019 ซึ่งนับเป็นรางวัลมาตรฐานสูงสุดที่รัฐบาลไทยมอบให้แก่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการธุรกิจ

พร้อมกันนั้น นับตั้งแต่ LEO ได้เข้าเป็นบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2020 ด้วยราคา IPO 3.42 บาท ราคาปิดของหุ้น LEO ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 อยู่ที่ 11.70 บาท โดยมีราคา All Time High ในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 12.60 บาท และมี Market Capitalization อยู่ที่ 3,712 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นมากกว่า 300 เปอร์เซ็นต์ ภายในระยะเวลาหนึ่งปี

เมื่อมองไปยังปี 2022 ที่จะมาถึง คุณเกตติวิทย์ ก็ให้คำมั่นว่าบริษัทฯ จะต่อยอดบริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีก ภายใต้ค่านิยม ‘Open for Continuous Learning and Improvement’ ซึ่งมุ่งเน้นการเปิดรับความรู้ใหม่ เพื่อพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด

“เรามีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ LEO เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยในปี 2022 บริษัทฯ จะพัฒนาบริการ Self-Storage และบริการลานพักตู้สินค้าให้ขึ้นมาเป็นดาวเด่นในการสร้างผลกำไรให้กับบริษัทฯ พร้อมกับพัฒนาการให้บริการร่วมกับ China Post เพื่อทำหน้าที่เป็น ‘One-Stop Service Provider’ ให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซให้สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าจากประเทศจีน พร้อมกับกระจายสินค้าไปยังปลายทางทั่วโลกได้อย่างไร้รอยต่อ” คุณเกตติวิทย์กล่าวปิดท้าย


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Bolloré Logistics Singapore ให้บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่งสำหรับธุรกิจ B2C
บทความถัดไปONE Thailand เปิดตัว e-Tax Invoice/e-Receipt ยกระดับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในยุคดิจิทัล